มาตรฐานไอเอสโอที่ช่วยบรรเทาปัญหาขยะบนอวกาศ

ในขณะที่ขยะพลาสติกกำลังเป็นปัญหาบนพื้นโลกและทะเลมากขึ้น ขยะบนอวกาศก็มีมากขึ้นเช่นกัน แม้ว่าดาวเทียมจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของวัตถุที่หมุนรอบโลกของเรา แต่เศษซากในวงโคจรหรือ “ขยะอวกาศ” กำลังกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนมากขึ้น องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือนาซา กำลังติดตามเศษชิ้นส่วนที่โคจรอยู่ 27,000 ชิ้นที่ใหญ่กว่าลูกเทนนิส นับตั้งแต่ยานส่งที่ถูกทิ้งและชิ้นส่วนยานอวกาศเก่าไปจนถึงเครื่องมือและถุงขยะที่ถูกทิ้ง ที่เพิ่มเข้ามาคือเศษซากที่ใหญ่กว่าหินอ่อนประมาณหนึ่งล้านชิ้น และอีก 330 ล้านชิ้นมีขนาดระหว่าง 1 มม. ถึง 1 ซม. วัตถุทั้งหมดเหล่านี้กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 25,000 กม./ชม. หรือ 7 กม./วินาที ด้วยความเร็วนั้น แม้แต่เศษเล็กเศษน้อยก็สามารถสร้างความเสียหายได้มาก
เหตุใดวัตถุเหล่านั้นจึงเป็นปัญหา จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากองขยะอวกาศยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป เมื่อปี 2521 (ค.ศ.1978) ขณะที่การแข่งขันในอวกาศเต็มไปด้วยความผันผวน นักวิทยาศาสตร์ของนาซาที่ชื่อโดนัลด์ เคสสเลอร์ได้เสนอคำตอบว่าเมื่อจำนวนของวัตถุภายใต้ขีดจำกัดสูงสุดสำหรับวงโคจรโลกได้มาถึงจุดหักเห เศษซากที่เกิดจากการชนกันสามารถเริ่มปฏิกิริยาลูกโซ่ของการชนกันต่อไปได้ เคสเลอร์กล่าวว่าว่าในที่สุดโลกจะถูกล้อมรอบด้วยก้อนเมฆของเศษซากเหล่านั้น ทำให้กิจกรรมในอวกาศและการใช้ดาวเทียมในช่วงการโคจรเฉพาะเป็นเรื่องยากสำหรับคนในอีกหลายรุ่นต่อมา (ศึกษาเพิ่มเติมใน Kessler Effect)
เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มประเทศ G7 ให้คำมั่นว่าจะจัดการกับปัญหาขยะในอวกาศที่เพิ่มมากขึ้นในแถลงการณ์ร่วม ผู้นำต่างกล่าวว่าพวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนามาตรฐานร่วมกัน แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านอวกาศที่ยั่งยืน และเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ซึ่งรวมถึงไอเอสโอ ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมของอวกาศสำหรับคนรุ่นต่อไปในอนาคต
งานที่ไอเอสโอทำในสาขานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานของคณะกรรมการวิชาการ ISO/TC20 ซึ่งเน้นที่เครื่องบินและยานอวกาศ มีส่วนช่วยในวิธีการหลัก 2 วิธี วิธีแรกคือการลดปริมาณเศษซากที่เข้าสู่วงโคจร และวิธีการที่ 2 คือการลดความเสี่ยงที่เกิดจากความแออัดที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่ที่ใกล้โลก
ISO 24113, Space systems — Space debris mitigation requirements ได้กำหนดข้อกำหนดสำหรับการออกแบบและการทำงานของยานอวกาศและยานยิงทุกลำที่ปล่อยเข้าสู่โลกหรือผ่านวงโคจรใกล้โลก เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการทิ้งเศษซากให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในระหว่างการใช้งานและหลังอายุใช้งาน ตัวอย่างเช่น เมื่อเชื้อเพลิงจากดาวเทียมหมด มันจะกลายเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยก้อนใหญ่อีกก้อนหนึ่ง มาตรฐาน ISO 24113 จึงกำหนดให้นักออกแบบและผู้ผลิตดาวเทียมต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เช่น การสร้างดาวเทียมที่สามารถเติมเชื้อเพลิงหรือนำออกจากวงโคจรเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งานเพื่อเผาไหม้อย่างปลอดภัยบนชั้นบรรยากาศที่สูงกว่า
มาตรฐานยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการชนบนวงโคจรโลกซึ่งมีผู้เล่นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งหน่วยงานด้านอวกาศของโลกที่มีมากกว่า 12 ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียม และขณะนี้บริษัทเอกชนจำนวนมากขึ้นกำลังก้าวเข้าสู่งานในอวกาศมากขึ้น ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงของการชนกันระหว่างยานอวกาศ และเพื่อให้แน่ใจว่าจรวดจะเคลื่อนเข้าสู่ชั้นอวกาศได้อย่างปลอดภัย โปรโตคอลการสื่อสารที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมาตรฐานมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการชนกัน ซึ่งเป็นที่มาของมาตรฐาน ISO 26900, Space data and information transfer systems — Orbit data messages

มาตรฐานนี้ระบุรูปแบบข้อความที่ผู้ปฏิบัติงานยานอวกาศสามารถใช้เพื่อสื่อสารระหว่างกันอย่างรวดเร็วและชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งปันแผนก่อนการบินหรือการแจ้งเตือนผู้ปฏิบัติงานคนอื่นๆ ปีที่แล้วมีการเปิดตัววงโคจร 145 ครั้งทั่วโลก อวกาศใกล้โลกมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับประโยชน์ทางการค้า วิทยาศาสตร์ และการทหารของประเทศและองค์กร และมาตรฐานเหล่านี้เป็นวิธีที่ทำให้โลกของเรามั่นใจได้ว่าแม้จะมีความแออัดและความเสี่ยงบนอวกาศที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังก็มีที่ว่างเหลืออยู่อีกมากและองค์กรต่างๆ สามารถทำงานบนอวกาศได้อย่างปลอดภัย

ที่มา: https://www.iso.org/news/ref4321.html

 699 ผู้เข้าชมทั้งหมด