Search มาตรฐานและกฎระเบียบ
Council Directive 93/68/EEC หรือ CE Mark
ประเทศเกี่ยวข้อง
สหภาพยุโรป
สาขาอุตสาหกรรมสินค้า
อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์
วันที่บังคับใช้
22 July 1993
มาตรฐานประเภท
บังคับ
ขอบข่าย
เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
สรุปรายละเอียดสำคัญ
ชื่อเดิมคือ “EC Mark” โดยมีการเปลี่ยนแปลงเป็นเครื่องหมาย “CE Mark” เมื่อมีการประกาศ Directive 93/68/EEC
CE Mark หรือ Conformite Europeene Mark (เป็นภาษาฝรั่งเศส) มีความหมายเท่ากับคำว่า European Conformity Mark ในภาษาอังกฤษ
CE Mark เป็นเครื่องหมายที่แสดงว่าสินค้าอุตสาหกรรมที่จำหน่ายในสหภาพยุโรป (European Union: EU) ทั้งสินค้านำเข้าและสินค้าที่ผลิตใน EU เอง มีการออกแบบและการผลิตที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามระเบียบข้อบังคับที่ EU กำหนด ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคถึงความปลอดภัยในการใช้สินค้าและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง เพื่อสร้างมาตรฐานสินค้าของประเทศสมาชิกในกลุ่ม EU ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ขั้นตอนการขออนุญาตติดเครื่องหมาย CE บนสินค้าอุตสาหกรรม มีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้
(1) การตรวจสอบสินค้าตามระเบียบข้อบังคับ (Directives) และตามมาตรฐานของสินค้าแต่ละประเภท เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกัน (Harmonized Standards)
(2) การทดสอบผลิตภัณฑ์สินค้า เพื่อให้มีมาตรฐานความปลอดภัยตามที่ EU กำหนด: ผู้ผลิตสามารถตรวจสอบและรับรองความปลอดภัยของสินค้าด้วยตนเอง ในกรณีที่สินค้าดังกล่าวมีความเสี่ยงน้อยในการใช้งาน แต่หากสินค้ามีความเสี่ยงสูงในการใช้งาน ผู้ผลิตจำเป็นต้องให้หน่วยงานตรวจสอบอิสระ (Notified Body) ที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการยุโรป (ปัจจุบันมีเกือบ 1,000 แห่งใน EU แต่ยังไม่มีในประเทศไทย แต่ผู้ประกอบการไทยสามารถติดต่อขอรับบริการทดสอบผ่านหน่วยตรวจสอบที่เป็นสาขาของหน่วยตรวจสอบต่างประเทศ ซึ่งมีที่ทำการตั้งอยู่ในประเทศไทย) เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความปลอดภัยของสินค้านั้นๆ
(3) การจัดทำแฟ้มเอกสารข้อมูลทางเทคนิค (Technical Documentation): ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่ายต้องจัดทำแฟ้มเอกสารข้อมูลทางเทคนิค เพื่อเป็นหลักฐานแสดงต่อคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อมีการเรียกตรวจสอบ ทั้งนี้ แฟ้มเอกสารข้อมูลทางเทคนิคต้องมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต
- ลักษณะและประเภทของสินค้า
- ขั้นตอนการออกแบบ กระบวนการผลิต วิธีประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สินค้า และมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบ
- รายงานผลการตรวจสอบ
- คู่มือการใช้งาน
(4) การจัดทำใบรับรอง (Declaration of Conformity): ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้แทนจำหน่ายสินค้า ต้องจัดทำใบรับรอง เพื่อแสดงว่าสินค้าเป็นไปมาตรฐานความปลอดภัยตามที่ EU กำหนด โดยระบุรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
- ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายใน EU
- ลักษณะของสินค้า
- ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า
- มาตรฐานที่ใช้ในการตรวจสอบ
- ชื่อหน่วยงานตรวจสอบอิสระที่เป็นผู้ทดสอบสินค้า
- วันที่ออกใบรับรอง
- ลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทผู้ผลิต
(5) การติดแสดงเครื่องหมาย CE Mark: ผู้ผลิตจะสามารถติดแสดงเครื่องหมาย CE Mark บนตัวสินค้าหรือบนบรรจุภัณฑ์ได้ ก็ต่อเมื่อสินค้าของตนผ่านการทดสอบและสอดคล้องตามมาตรฐานที่ EU กำหนด ทั้งนี้ เครื่องหมาย CE ที่ติดบนตัวสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต้องมีความคงทนถาวรและมีขนาดไม่ต่ำกว่า 5 มิลลิเมตร เพื่อให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน (เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ EU กำหนด)